ทำธุรกิจหอพักติดโซล่าเซลล์จะคุ้มค่าไหม?

คำถามคาใจเจ้าของกิจการหอพัก อพาร์ทเม้นท์หลายท่านที่ยังคงหาคำตอบได้ยาก และตัดสินใจไม่ได้สักที คงหนีไม่พ้นเรื่องของค่าไฟแพง รวมไปจนถึงเรื่องการติดตั้งโซล่าเซลล์ภายในหอพัก อพาร์ทเม้นท์ ที่มีอาคารขนาดใหญ่นั้นจะคุ้มค่าหรือไม่? บางคนก็บอกว่าไม่คุ้มค่า เพราะมีต้นทุนในการติดตั้งที่สูงและผลลัพธ์ที่ได้อาจจะไม่คุ้มทุน หรือกว่าจะคุ้มทุนก็ใช้เวลานาน แต่บางคนกลับบอกว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน เพราะเมื่อติดตั้งไปแล้วมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและจะช่วยลดค่าไฟได้จริง แถมที่สำคัญเลยก็คือธุรกิจหอพักที่เราทำอยู่นั้นยังไงก็เป็นธุรกิจที่มีอาคารขนาดใหญ่และเป็นธุรกิจเสือนอนกินยาวๆ เพื่อคลายข้อสงสัยและอาจช่วยคุณตัดสินใจได้ในเบื้องต้น นั้น 

Renthub จึงขออาสามารวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับการติดตั้งโซล่าเซลล์มาฝาก เพื่อที่ผู้ประกอบการหอพัก อพาร์ทเม้นท์จะได้นำรายละเอียดและข้อมูลนี้ ไปคิดพิจารณา และประกอบการตัดสินใจว่าท้ายที่สุดแล้วการติดตั้งโซล่าเซลล์ในหอพักของเรานั้นคุ้มค่าแก่การลงทุนหรือไม่?

หอพัก อพาร์ทเม้นท์แบบไหนที่ติดตั้งโซล่าเซลล์แล้วมักจะได้รับความคุ้มค่า ?

หากถามว่าหอพัก อพาร์ทเม้นท์แบบไหนที่ติดตั้งโซล่าเซลล์แล้วมักจะได้รับความคุ้มค่ากลับมานั้น อันดับแรกเราต้องรู้ก่อนว่าโซล่าเซลล์จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้เฉพาะในช่วงกลางวันที่มีแสงแดด ซึ่งถ้าโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้ามาแล้วและนำมาใช้จนหมดในช่วงกลางวันก็จะทำให้เจ้าของหอพัก อพาร์ทเม้นท์ประหยัดมากยิ่งขึ้น เพราะไม่ต้องเปลืองค่าแบตเตอรี่สำหรับเก็บไฟฟ้าที่มีราคาค่อนข้างสูง ทั้งนี้เราจะขอแยกหอพัก อพาร์ทเม้นท์ที่ควรค่าจะติดตั้งโซล่าเซลล์ออกมาเป็นข้อๆ ดังนี้

• หอพัก อพาร์ทเม้นท์ที่มีการใช้ไฟฟ้ามาก เช่น เปิดเครื่องปรับอากาศในสำนักงาน เปิดไฟทางเดินตลอดทั้งวัน และมีผู้พักอาศัยในช่วงกลางวัน เป็นต้น
• หอพัก อพาร์ทเม้นท์ที่มีพื้นที่ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ที่เพียงพอและเหมาะสม

อีกทั้งต้องดูองค์ประกอบอื่นร่วมด้วย อย่างเช่น การเลือกประเภทของโซล่าเซลล์ ราคาในการติดตั้ง จำนวนการใช้ไฟฟ้าต่อวัน ฯลฯ เป็นต้น

ระบบของระบบโซล่าเซลล์ 

ในปัจจุบันนี้มีระบบโซล่าเซลล์อยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 รูปแบบ ซึ่งเจ้าของหอพัก อพาร์ทเม้นท์สามารถเลือกใช้ได้ตามวัตถุประสงค์และพฤติกรรมการใช้งาน ดังนี้

1. ระบบออนกริด (On Grid) เหมาะสำหรับหอพัก อพาร์ทเม้นท์ที่มีการใช้งานไฟฟ้าในช่วงกลางวันมากกว่าปกติหรือมีการใช้ไฟฟ้าตลอดทั้งวัน ซึ่งข้อจำกัดของระบบออนกริดเลยก็คือ ไม่มีแบตเตอรี่สำรองไฟฟ้า กลางคืนจึงใช้ไฟจากการไฟฟ้าตามปกติ แต่ก็สามารถขายไฟคืนให้การไฟฟ้าได้
2. ระบบออฟกริด (Off Grid) เหมาะสำหรับพื้นที่ห่างไกล เพราะเป็นระบบ Stand Alone ที่ไม่เชื่อมต่อกับการไฟฟ้า ส่งผลให้ไม่จำเป็นที่จะต้องขออนุญาตใดๆ ทั้งสิ้น แต่มีข้อจำกัดก็คือจะต้องติดตั้งแบตเตอรี่เพื่อสำรองไฟและมีการใช้ไฟในเวลากลางคืน อีกทั้งถ้าไม่มีแสงแดดที่เพียงพอ ก็อาจจะทำให้ผลิตไฟฟ้าได้จำนวนที่น้อย
3. ระบบไฮบริด (Hybrid) ระบบไฮบริดจะสามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะสามารถใช้ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซล่าเซลล์ในช่วงเวลากลางวัน และไฟที่เก็บไว้ที่แบตเตอรี่จะสามารถใช้ได้ในเวลากลางคืน แต่ระบบไฮบริดจะไม่สามารถขายกระแสไฟคืนให้การไฟฟ้าได้เหมือนกับระบบออนกริด อีกทั้งราคาของแบตเตอรี่ก็ค่อนข้างสูง ส่งผลให้ระยะเวลาการคืนทุนอาจจะนานกว่าระบบโซล่าเซลล์ในรูปแบบอื่นๆ

ประเภทของโซล่าเซลล์ 

เมื่อรู้จักระบบของโซล่าเซลล์ไปแล้ว ลำดับต่อมาเป็นประเภทของโซล่าเซลล์ซึ่งประกอบด้วย 

1. แผงโซล่าเซลล์แบบโพลีคริสตัลไลน์ (Polycrystalline Silicon Solar Cell) แผงโซล่าเซลล์โพลีคริสตัลไลน์ เป็นแผงโซล่าเซลล์แบบเก่าที่สุด โดยตัวแผงทำมาจากผลึกซิลิคอน เซลล์เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและจะไม่มีการตัดมุมใดๆ ทั้งสิ้น สีของโพลีคริสตัลไลน์จะเป็นสีออกน้ำเงิน ไม่เข้มมากและมีความเลื่อมๆ ในตัว
   
   ข้อดี : มีราคาถูก มีขั้นตอนการผลิตที่ไม่ซับซ้อน
   ข้อเสีย : มีประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13-16% เท่านั้น เมื่อแดดอ่อนหรือมีอะไรมาบดบังแสง ประสิทธิภาพการทำงานจะลดลง
   
2. แผงโซล่าเซลล์แบบโมโนคริสตัลไลน์ (Monocrystalline Silicon Solar Cell) สำหรับแผงโซล่าเซลล์โมโนคริสตัลไลน์ จะมีความคล้ายคลึงกับโพลีคริสตัลไลน์ทั้งในเรื่องของลักษณะและสี แต่ตัวแผงโซล่าเซลล์จะทำมาจากซิลิคอนที่มีความบริสุทธิ์ที่สูงมาก
   
   ข้อดี : มีประสิทธิภาพสูงที่สุด เพราะผลิตมาจากซิลิคอนเกรดดี มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน (โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 25 ปี ขึ้นไป) ในสภาพแสงน้อย สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากกว่าประเภทพอลิคริสตัลไลน์
   ⁠ข้อเสีย : มีราคาค่อนข้างสูง กำหนดพื้นที่ในการติดตั้งได้ยาก เมื่อมีเงาบังหรือแดดอ่อน
   จะผลิตไฟฟ้าได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร
   
3. แผงโซล่าเซลล์อะมอร์ฟัส (Amorphous Silicon Solar Cell) แผงโซล่าเซลล์อะมอร์ฟัส จะเป็นรูปแบบโซล่าเซลล์ที่มีความแตกต่างจากทั้ง 2 ข้อข้างต้น เพราะแผงโซล่าเซลล์อะมอร์ฟัสเป็นการเอาสารที่สามารถเปลี่ยนพลังงานแสงมาเป็นกระแสไฟฟ้า นำมาฉาบเป็นฟิล์มหรือชั้นบางๆ ซ้อนกันหลายๆ ชั้น นั่นเอง
   
   ข้อดี : มีราคาถูกมาก ไม่มีปัญหาเรื่องเมื่อแผงสกปรกแล้วจะทำให้วงจรไหม้
   ⁠ข้อเสีย : มีประสิทธิภาพต่ำ สิ้นเปลืองค่าโครงสร้างและอุปกรณ์อื่นๆ

หากต้องการติดตั้งโซล่าเซลล์ต้องขออนุญาตหรือไม่?

สำหรับเจ้าของหอพัก อพาร์เม้นท์เจ้าใดที่ต้องการติดตั้งโซล่าเซลล์ คุณจำเป็นที่จะต้องขออนุญาตจากภาครัฐให้ครบทั้ง 3 หน่วยงานเสียก่อน ซึ่งประกอบไปด้วย

1. การไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค - เมื่อคุณติดตั้งโซล่าเซลล์เสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณจะต้องติดต่อกับหน่วยงานการไฟฟ้าที่เขตของหอพัก อพาร์ทเม้นท์ของคุณตั้งอยู่ ซึ่งจะขออนุญาตได้ 2 รูปแบบ คือ ขอเชื่อมต่อกับการไฟฟ้า (ไม่ขายไฟคืน), ขายไฟคืน (โครงการโซลาร์ภาคประชาชน)
   *⁠รายละเอียดเพิ่มเติมของการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
2. คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
3. เขต, เทศบาล, อบต. ขออนุญาตดัดแปลงอาคารเพื่อติดตั้งโซล่าเซลล์

แล้วติดโซล่าเซลล์ในหอพักจะคุ้มค่าหรือไม่?

หากจะให้ตอบว่าการติดโซล่าเซลล์ในหอพักมีความคุ้มค่าหรือไม่นั้น เราก็คงจะระบุคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ เพราะมีหลายๆ ปัจจัยที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าคุณจะได้รับความคุ้มค่ากลับมาหรือไม่? ยกตัวอย่างเช่น จำนวนการใช้ไฟต่อวัน ต่อเดือน, ต้นทุนค่าติดตั้ง, ประเภทของโซล่าเซลล์, ขนาดของโซล่าเซลล์, องศาการติดตั้งว่ามีเงาตึกบดบังหรือไม่, มีแสงแดดเพียงพอหรือเปล่า, ฤดูกาลฝนฟ้าอากาศ ฯลฯ เพราะฉะนั้นแล้วจึงเป็นที่มาของคำตอบที่แตกต่างในเรื่องนี้ ซึ่งทางที่ดีหากเจ้าของหอพัก อพาร์ทเม้นท์ท่านใดมีความสนใจที่จะติดตั้งโซล่าเซลล์จริงๆ ควรสอบถามและศึกษาข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่าง 1Ness Energy ผู้ให้บริการทั้งออกแบบ ติดตั้ง Solar Roof แบบครบวงจร แถมยังการันตีความคุ้มค่าที่จะช่วยลดค่าไฟได้ 20-60%

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการติดตั้งโซล่าเซลล์ คลิก