หลายคนอาจมองเรื่องฮวงจุ้ยเป็นเรื่องของความเชื่อ แต่ถ้าเราพิจารณาแล้วการจัดบ้านตามหลักฮวงจุ้ยนั้นก็มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เข้ามารองรับเหมือนกัน เพราะการจัดบ้านจะมีองค์ประกอบหลายอย่างเข้ามาอาทิ เช่น แสงสว่าง ทิศทางลม ความชื้น ถ้าผู้อยู่อาศัยนำองค์ประกอบเหล่านี้เข้ามาจัดบ้านให้ถูกต้อง ก็ช่วยให้คนในบ้านสุขภาพร่างกายแข็งแรงห่างไกลต่อโรคภัยไข้เจ็บได้
วันนี้เราจะยกตัวอย่างการจัดฮวงจุ้ยบ้านในบางกรณี แล้วนำมาเปรียบเทียบเหตุผลในเชิงวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการจัดบ้านที่ดีและตรงตามหลักฮวงจุ้ยว่านอกจากจะช่วยทำให้บ้านน่าอยู่แล้ว ยังส่งผลให้คนในสุขภาพบ้านแข็งแรงได้เช่นกัน
การจัดทิศทางของการนอน
ตามความเชื่อหลักฮวงจุ้ยทั่วไปมักบอกว่าห้องนอนควรอยู่ในทิศทางทะวันออกหรือทิศเหนือ และห้ามหันหัวนอนไปทางทิศตะวันตกเพราะเป็นทิศของคนตาย ซึ่งหากลองวิเคราะห์ในเชิงวิทยาศาสตร์แล้ว การที่ห้องนอนอยู่ทางทิศตะวันตกจะทำให้ห้องนอนร้อนระอุจากแสงแดดในยามบ่าย ส่งผลให้ผู้ที่อยู่อาศัยในห้องร้อนและอาจเกิดการเจ็บป่วยเนื่องจากอากาศในห้องร้อนเกินไปได้ ส่วนการหันหัวนอนก็ควรหันไปทางทิศตะวันออกเพราะเวลาตอนเช้าเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ร่างกายจะได้รับคลื่นความร้อนจากศรีษะไหลสะสมไปสู่เท้า แต่ถ้าหันหัวไปทิศตะวันตกก็จะรับความร้อนจากเท้าไหลไปสะสมอยู่ที่ศรีษะ ทำให้อุณหภูมิที่เท้าเย็นกว่าศรีษะซึ่งเป็นต้นเหตุของการป่วย และการทำงานของอวัยวะภายในไม่ปกติ
บรรยากาศภายในห้องนอน
ฮวงจุ้ยมักห้ามแต่งห้องนอนด้วยโทนสีแดง ส้ม ชมพู ซึ่งเป็นสีโทนร้อน ซึ่งหากวิเคราะห์ตามหลักของวิทยาศาสตร์แล้ว สีดังกล่าวจะส่งผลต่อการหลั่งสารอะดรีนาลีนของผู้อยู่อาศัย ทำให้รู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดสภาวะนอนไม่หลับได้ ดังนั้นสีของห้องนอนควรเป็นสีโทนเย็นและสงบ อย่างสีขาว สีฟ้า สีเหลืองอ่อน เป็นต้น เพราะจะทำให้ผู้อาอาศัยรู้สึกผ่อนคลาย นอนหลับสบายนั่นเอง
นอกจากนี้เราควรทำให้ห้องนอนมีความโปร่งโล่งสบาย อากาศถ่ายเทสะดวก มีแสงสว่างจากธรรมชาติส่องถึง เพื่อสุขภาพจิตของคนในบ้านนั่นเอง
ประตูห้องน้ำไม่ควรอยู่ใกล้กับเตียงนอน
บ้านสมัยใหม่หรือคอนโดมักออกแบบให้ห้องนอนกับห้องน้ำอยู่ติดกันเพื่อความสะดวก แต่ทั้งนี้ผู้อยู่อาศัยไม่ควรวางเตียงนอนใกล้กับห้องน้ำ เพราะห้องน้ำมักจะมีความชื้น มีเชื้อโรคหรือแบคทีเรียอาศัยอยู่มาก รวมถึงยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ หากห้องน้ำกับเตียงนอนอยู่ใกล้กันก็มีโอกาสทำให้เกิดติดเชื้อแบคทีเรียจนเป็นสาเหตุโรคภัยได้ ซึ่งตรงกับตามหลักของฮวงจุ้ยที่ว่าห้องน้ำเป็นแหล่งรวมของพลังงานด้านลบ ซึ่งไม่ควรอยู่ใกล้กับเตียงนอน นอกจากนี้ควรปิดประตู้ห้องน้ำทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จเพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นและเชื้อโรคต่าง ๆ เข้ามาในห้องนอนอีกด้วย
บ้านที่ดีควรอยู่ติดสระน้ำ
นับเป็นความเชื่อหลักของศาสตร์ฮวงจุ้ยเลยทีเดียวที่ว่าบ้านควรอยู่ใกล้กับสระน้ำเพื่อที่จะรับพลังงานด้านบวกเข้ามาในบ้าน ให้ผู้อาศัยรับทรัพย์และโชคลาภ แม้ว่าทุกวันนี้จะหาบ้านทั่วไปที่ติดกับแหล่งน้ำยากเพราะที่ดินมีราคาแพง แต่ถ้าลองพิจารณาในมุมมองของคนสมัยก่อนที่อยากให้สร้างบ้านติดแหล่งน้ำเพราะเมื่อลมพัดมา ลมจะพัดความเย็นเข้ามาในบ้านทำให้บ้านไม่ร้อนจนเกินไป
พื้นห้องน้ำและห้องครัวควรอยู่ต่ำกว่าพื้นบ้าน
ฮวงจุ้ยมักจะบอกว่าให้พื้นห้องน้ำและห้องครัวอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าพื้นบ้านทั่วไป ซึ่งหากมองตามความเป็นจริงแล้ว ห้องครัวเป็นพื้นที่ที่เราทำอาหาร มีการใช้น้ำและวัตถุดิบต่าง ๆ บ่อย รวมถึงห้องน้ำเองก็มีการใช้น้ำบ่อยครั้ง พื้นที่ห้องครัวรวมไปถึงห้องน้ำควรอยู่ต่ำกว่าจะช่วยไม่ให้น้ำและของเหลวไหลเข้ามาในตัวบ้าน ซึ่งนอกจากจะไม่ทำให้บ้านเลอะเทอะแล้วยังช่วยลดอุบัติเหตุของผู้อยู่อาศัยด้วย
ขั้นบันไดของบ้านห้ามเป็นเลขคู่
ตามหลักฮวงจุ้ยจะกล่าวว่าขั้นบันไดบ้านต้องเป็นเลขคี่เสมอเพราะเลขคู่จะเป็นเลขของคนตาย ซึ่งหากมองตามหลักของเหตุผลแล้วการที่บันไดควรเป็นเลขคี่นั้นเป็นการออกแบบเพื่อความถนัดของผู้อยู่อาศัยเอง หากบันไดเป็นเลขคี่การก้าวเท้าขึ้นบันไดจะเริ่มต้นด้วยข้างที่ถนัดและจบลงที่ข้างถนัด ซึ่งจะลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุและทำให้ใช้งานง่าย ทั้งนี้บันไดบ้านไม่ควรชันจนเกินไปเพื่อให้ก้าวได้ถนัด และควรมีราวบันไดและชานพักบันไดไม่ให้เกิดอุบัติเหตุด้วย
จะเห็นได้ว่าการจัดวางองค์ประกอบบ้านที่ดีนอกจากความสวยงามแล้วจะต้องจัดให้ถูกต้องตามหลักการ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยผ่อนคลาย อยู่สบาย ไม่เกิดอุบัติเหตุ และที่สำคัญที่สุดคือการจัดบ้านตามหลักฮวงจุ้ยยังช่วยลดโอกาสเจ็บป่วยของคนในบ้านได้ เรียกได้ว่าฮวงจุ้ยไม่เพียงแต่เป็นเรื่องความเชื่ออย่างเดียวแต่เป็นความเชื่อที่นำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาผสมผสานจนเกิดเป็นองค์ความรู้ที่สืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้
สุดท้ายนี้แม้ว่าการจัดฮวงจุ้ยที่ดีจะช่วยลดการเจ็บป่วยได้ แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าคนในบ้านจะห่างไกลจากโรคภัยได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นฮวงจุ้ยที่ดีที่สุดคือการที่ทำให้คนในบ้านได้รับความคุ้มครองเรื่องค่ารักษานั่นเอง สิ่งสุดท้ายที่อยากจะแนะนำคืออย่าลืมหาประกันสุขภาพเพื่อสร้างเกราะป้องกันให้คนในบ้านอีกชั้น ให้คนในบ้านอาศัยอยู่ได้อย่างอุ่นใจมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งประกันสุขภาพสมัยนี้ก็มีให้เลือกหลายแบบและครอบคลุมการรักษาจากอุบัติเหตุต่าง ๆ ภายในบ้านด้วย โดยคุณสามารถเลือกซื้อประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับครอบครัวคุณได้ง่าย ๆ เพียงเลือกซื้อผ่านเราแรบบิท แคร์ โบรกเกอร์ประกันภัยที่แคร์สุขภาพและความปลอดภัยของคนในบ้านคุณ!