เมื่อก้าวเข้าสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัว เราทุก ๆ คน ต่างก็ต้องเริ่มปรับเปลี่ยนและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ความรับผิดชอบที่มากขึ้นทั้งในด้านการใช้ชีวิต การทำงาน การเจอสังคมใหม่ ๆ ฯลฯ เพื่อให้ชีวิตในช่วงวัยทำงานประสบความสำเร็จตามที่มุ่งหวังเอาไว้ แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องเจออย่างแน่นอนเมื่อก้าวเข้าสู่วัยทำงานหรือมีรายได้ นั่นก็คือ “การเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” ซึ่งถือได้ว่าเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่มีรายได้ ส่งผลให้คนที่พึ่งทำงานเป็นครั้งแรกเกิดความสงสัยว่า ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคืออะไร ? คำนวณอย่างไร ? และเสียได้ที่ไหนบ้าง ? ฯลฯ ซึ่งในบทความนี้ก็คงจะเปรียบเสมือนเข็มทิศนำทาง เพราะเราจะพาคุณไปไขข้อสงสัยและเตรียมพร้อมสำหรับการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอย่างถูกต้อง
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คืออะไร ?
หลาย ๆ คนเพิ่งเริ่มทำงานอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับเรื่องภาษี งั้นเรามาเริ่มทำความรู้จักกับ "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" กันก่อน ภาษีประเภทนี้เป็นเงินที่เราต้องจ่ายให้กับรัฐบาลตามกฎหมาย โดยคำนวณจากรายได้ที่เราได้รับในแต่ละปี ซึ่งบุคคลธรรมดาจะต้องเสียภาษีจากการได้รับเงินดังนี้
- เงินได้จากการจ้างงาน เงินเดือน เบี้ยเลี้ยง โบนัส บำเหน็จ บำนาญ
- เงินได้จากค่าสิทธิ หรือเรียกว่าค่าตอบแทนจากการใช้ลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรม ศิลปะ หรือวิทยาศาสตร์
- เงินได้จากการลงทุนในทรัพย์สิน คือผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในตราสารทุน ตราสารหนี้
- เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน เช่น เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับเนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ
- เงินได้จากวิชาชีพอิสระ ได้แก่ แพทย์ วิศวกร สถาปนิก นักบัญชี ทนาย นักแสดง ฯลฯ
- เงินได้จากการทำธุรกิจหรือเงินได้อื่น ๆ
ใครมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ?
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้แก่ ผู้ที่มีเงินได้เกิดขึ้นระหว่างปีที่ผ่านมาโดยมีสถานะ อย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้
- บุคคลธรรมดา
- ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
- ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี
- กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง
- วิสาหกิจชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เฉพาะที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
ภาษีอัตราก้าวหน้าคืออะไร ?
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทยนั้นใช้ระบบ "ภาษีอัตราก้าวหน้า" หมายความว่า ยิ่งเรามีรายได้มาก อัตราภาษีที่ต้องจ่ายก็จะยิ่งสูงขึ้นตามลำดับ
ตารางอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ขั้นเงินได้สุทธิ (บาท)
|
อัตราภาษี (%)
|
ภาษีสูงสุดในแต่ละขั้น (บาท)
|
ภาษีสะสมสูงสุดของแต่ละขั้น (บาท)
|
ไม่เกิน 150,000
|
0
|
-
|
-
|
150,001 - 300,000
|
5
|
7,500
|
7,500
|
300,001 - 500,000
|
10
|
20,000
|
27,500
|
500,001 - 750,000
|
15
|
37,500
|
65,000
|
750,001 - 1,000,000
|
20
|
50,000
|
115,000
|
1,000,001 - 2,000,000
|
25
|
250,000
|
365,000
|
2,000,001 - 5,000,000
|
30
|
900,000
|
1,265,000
|
มากกว่า 5,000,000
|
35
|
-
|
-
|
หมายเหตุ :
- ข้อมูลในตารางนี้เป็นข้อมูลสำหรับปีภาษี 2566
- เงินได้สุทธิ หมายถึง เงินได้พึงประเมิน - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน
- สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร https://www.rd.go.th/
ตัวอย่างการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
นางสาว C เป็นพนักงานบริษัท เงินเดือน 25,000 บาทต่อเดือน สถานะโสด และจ่ายประกันสังคม 750 บาทต่อเดือน
ขั้นตอนการคำนวณ
1. หารายได้พึงประเมิน
1.1 เงินเดือน: 25,000 บาท/เดือน x 12 เดือน = 300,000 บาท
2. หักค่าใช้จ่าย
2.1 หักค่าใช้จ่ายได้ ร้อยละ 50 ของเงินได้ แต่รวมกันต้องไม่เกิน 100,000 บาท
3. หักค่าลดหย่อน
3.1 ค่าลดหย่อนส่วนตัว : 60,000 บาท
3.2 ค่าลดหย่อนประกันสังคม : 9,000 บาท
สรุปค่าลดหย่อนรวม : 69,000 บาท
4. หาเงินได้สุทธิ
เงินได้สุทธิ = รายได้พึงประเมิน - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน
= 300,000 - 100,000 - 69,000
= 131,000 บาท
5. คำนวณภาษี
5.1 เงินได้สุทธิ 131,000 บาท = อัตราภาษี 0% หรือได้รับการยกเว้นภาษี
สรุป
นางสาว C ไม่ต้องเสียภาษี เพราะเงินสุทธิไม่ถึง 150,000 บาท (ตามตารางด้านบน) แต่ทั้งนี้ยังคงต้องยื่นแบบแสดงภาษีต่อกรมสรรพากรทุกปี
เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- หนังสือรับรองเงินเดือน (50 ทวิ) จากนายจ้าง(บริษัทส่วนใหญ่จะมีฝ่าย HR หรือฝ่ายบัญชีจะเป็นผู้จัดทำให้) ซึ่ง 50 ทวิ เป็นเอกสารที่จะระบุรายละเอียดสำคัญต่าง ๆ เช่น ปีนั้นคุณมีรายได้รวม และมีเงินสมทบประกันสังคมทั้งหมดเท่าไหร่ เป็นต้น
- เอกสารลดหย่อนภาษี เช่น ค่าเลี้ยงดูบิดา มารดา และบุตร, จำนวนเงินที่ซื้อกองทุน, เบี้ยประกันชีวิตและสุขภาพต่าง ๆ
ช่องทางการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- กรอกใบ ภ.ง.ด. แล้วเตรียมเอกสารยื่นภาษีที่เกี่ยวข้องไปยื่นยังสำนักงานสรรพากรทุกพื้นที่
- กรอกใบ ภ.ง.ด. แล้วให้หน่วยงานบริษัทที่สังกัดยื่นให้
- ยื่นภาษีออนไลน์ด้วยตัวเองผ่านเว็บไซต์ www.rd.go.th (ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะสะดวกและรวดเร็ว)
หากยื่นภาษีไม่ทันจะทำอย่างไรดี ?
หากคุณยื่นภาษีไม่ทันในระยะเวลาที่กำหนด คุณจำเป็นที่จะต้องนำเอกสารไปยื่นภาษีเองที่สำนักงานสรรพากรใกล้บ้าน โดยไม่สามารถยื่นเรื่องผ่านทางออนไลน์ได้ ทั้งนี้จะมีการปรับหรือบทลงโทษในกรณีที่คุณไม่ยื่นภาษีในระยะเวลาที่กำหนดดังต่อไปนี้
- กรณีไม่ยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.90, 91 ภายในกำหนดเวลา ต้องระวางโทษปรับทางอาญาไม่เกิน 2,000 บาท
- กรณีจงใจ แจ้งข้อความเท็จ หรือแสดงหลักฐานเท็จหรือฉ้อโกง เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท
- กรณีเจตนาละเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
รายละเอียดข้างต้นเป็นข้อมูลเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่มนุษย์เงินเดือน(พึ่งเริ่มทำงาน) ควรที่จะต้องรู้และศึกษาข้อมูลเอาไว้ เพราะนี่คือหน้าที่และกฎหมายที่คนไทยที่มีรายได้จะต้องยื่นแบบแสดงภาษีให้กับกรมสรรพากรทุก ๆ ปี ในช่วงเดือนมีนาคม และไว้โอกาสหน้า เราจะนำข้อมูลดี ๆ อะไรมาฝากอีก คุณก็สามารถติดตามได้ที่ Renthub Blog : บทความที่รวบรวมทุกเรื่องราวเกี่ยวกับชาวหอพักอพาร์ทเม้นท์