ผ้าเหม็นอับ คือฝันร้ายของชาวหอทุกคน โดยเฉพาะในช่วง หน้าฝน ที่อากาศชื้นตลอดเวลา ตากผ้าแล้วไม่แห้ง แถมบางวันฝนตกทั้งวันจนไม่มีแดดให้เห็น ผ้าที่ควรหอมกลับมีกลิ่นอับชวนปวดหัว จะใส่ไปข้างนอกก็ไม่มีความมั่นใจในกลิ่นของเสื้อผ้า และถ้าเบื่อกับปัญหาเดิม ๆ ซ้ำซากแบบนี้ ก็ลองทำตามเคล็ดลับที่ทางทีมงาน Renthub ได้นำมาฝาก ซึ่งรับรองเลยว่าแต่ละเคล็ดลับจะช่วยให้การซักผ้าในหน้าฝนของเพื่อน ๆ ชาวหอพักง่ายขึ้น และไม่ต้องทนกับปัญหากลิ่น ผ้าเหม็นอับ อีกต่อไป
🔹 ผ้าเหม็นอับเกิดจากอะไร ? เข้าใจสาเหตุก่อนแก้ปัญหา
ก่อนจะลงมือแก้ ต้องรู้ก่อนว่า “กลิ่นอับ” มาจากไหน ส่วนใหญ่เกิดจาก เชื้อแบคทีเรีย ที่ชอบอยู่ในที่ชื้น ๆ และอากาศถ่ายเทไม่สะดวก เมื่อซักผ้าแล้วไม่รีบตาก หรือผ้ายังไม่แห้งแต่ถูกเก็บเข้าตู้ กลิ่นอับจะเริ่มก่อตัวทันที ยิ่งในหน้าฝนที่ความชื้นในอากาศสูง โอกาสที่เสื้อผ้าจะไม่แห้งสนิทยิ่งเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดกลิ่นที่เรียกว่า “ผ้าเหม็นอับ” นั่นเอง
🔹 ซักผ้าหน้าฝนให้หอม ต้องเริ่มตั้งแต่ตอนซัก
ถ้าอยากให้ผ้าแห้งแล้วไม่เหม็นอับ จุดเริ่มต้นสำคัญคือตอน "ซักผ้า" ไม่ใช่แค่ตอนตาก เพราะถ้าซักไม่สะอาด หรือล้างไม่หมด ต่อให้ตากยังไงกลิ่นก็ยังอยู่ ลองดูเคล็ดลับเหล่านี้แล้วเช็กว่าเราพลาดตรงไหนหรือเปล่า ?
1. รีบตากทันทีหลังซักเสร็จ
ห้ามปล่อยผ้าไว้ในเครื่องนานเด็ดขาด! - หลังเครื่องซักเสร็จ ถ้าเราทิ้งผ้าไว้ในถังซักนานเกิน 30 นาที ความชื้นภายในเครื่องจะเริ่มทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียที่ตกค้างอยู่ตามใยผ้า ทำให้เกิดกลิ่นอับโดยที่ยังไม่ได้ตากเลยด้วยซ้ำ ยิ่งหน้าฝนที่อากาศรอบตัวก็ชื้นอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ผ้า “บูด” ได้เร็วกว่าเดิม
ทริค 💡 : ถ้ารู้ตัวว่าจะลืม ให้ตั้งเวลาเตือนในมือถือทันทีหลังเริ่มซัก หรือใช้เครื่องซักผ้าที่มีระบบแจ้งเตือนผ่านแอป
2. ใช้น้ำยาซักผ้า/น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรลดกลิ่นอับ
เลือกสูตรที่เหมาะกับ “หน้าฝน” โดยเฉพาะ - น้ำยาซักผ้าทั่วไปอาจไม่เพียงพอในช่วงอากาศชื้นแบบนี้ ควรเลือกสูตรที่ระบุว่า “ลดกลิ่นอับ” หรือ “เหมาะกับการตากในที่ร่ม” โดยเฉพาะ เพราะมักมีสารแอนตี้แบคทีเรียที่ช่วยยับยั้งกลิ่นไม่พึงประสงค์ตั้งแต่ต้นทาง ส่วนน้ำยาปรับผ้านุ่ม ก็ควรเลือกกลิ่นหอมสดชื่นและติดทนนานแม้ตากในที่ร่ม
ทริค 💡 : ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มเพิ่มอีกเล็กน้อยจากปริมาณปกติในช่วงฝนตก จะช่วยเคลือบเส้นใยผ้าให้หอมทนนานขึ้น
3. ใช้น้ำร้อนในการซักผ้า (ประมาณ 40 องศา)
น้ำร้อน = ฆ่าเชื้อ + ละลายคราบฝังลึก - อุณหภูมิสูงช่วยจัดการเชื้อรากับแบคทีเรียได้ดีกว่าน้ำเย็นหรืออุณหภูมิห้อง โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่ใช้งานหนัก เช่น ผ้าเช็ดตัว เสื้อกีฬา หรือเสื้อผ้าทำงานนอกบ้าน หากเครื่องซักผ้าที่หอพักหรือร้านซักรีดมีฟังก์ชันน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน แนะนำให้เลือกใช้ เพราะช่วยให้ผ้าสะอาดลึกขึ้น ลดสาเหตุของกลิ่น ผ้าเหม็นอับ ได้อย่างตรงจุด
ข้อควรระวัง 💡 : ไม่ควรใช้น้ำร้อนกับผ้าบางชนิด เช่น ผ้าขนสัตว์หรือผ้าไหม ควรอ่านป้ายคำแนะนำก่อนซัก
4. ไม่ใส่ผ้าเยอะเกินไปในเครื่องเดียว
อย่าคิดว่าใส่เยอะจะประหยัดเวลา เพราะผลลัพธ์ที่ได้มาคือผ้าเหม็นอับ - เครื่องซักผ้าในหอพักส่วนใหญ่มีขนาดกลางถึงเล็ก ถ้าใส่ผ้าเกินความจุที่เหมาะสม ผงซักฟอกจะกระจายไม่ทั่วถึง น้ำก็หมุนไม่พอ ทำให้ผ้าบางส่วนยังสกปรกหรือมีคราบหลงเหลือ และยิ่งตอนปั่นแห้ง ถ้าผ้าแน่นเกินไป ก็จะทำให้ประสิทธิภาพการปั่นแห้งลดลง ส่งผลให้ผ้ายังคงมีความชื้นและแห้งยากมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็จะทำให้เกิดกลิ่นอับนั่นเอง
ทริค 💡 : ถ้าผ้ามีจำนวนมาก ให้แบ่งซัก 2 รอบ ดีกว่าต้องซักใหม่เพราะมีกลิ่นอับ
5. ใส่เบกกิ้งโซดาในขั้นตอนการซัก
ตัวช่วยราคาถูกแต่ทรงพลังในการลดกลิ่นอับ - เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) ไม่ได้มีดีแค่ใช้ทำขนม แต่มันคือของสามัญประจำบ้านที่ช่วยจัดการกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อยู่หมัด โดยเฉพาะ “ผ้าเหม็นอับ” ในช่วงหน้าฝน คุณสมบัติของเบกกิ้งโซดาคือดูดซับกลิ่นและลดความเป็นกรดของคราบเหงื่อ เชื้อรา หรือแบคทีเรียบนผ้าได้ดีมาก เพียงเติมเบกกิ้งโซดา 1/4 ถ้วยตวงลงไปในขั้นตอนการซัก (พร้อมผงซักฟอก) จะช่วยให้ผ้าสะอาดลึก กลิ่นอับหาย และกลิ่นหอมของน้ำยาซักผ้าติดทนนานขึ้นด้วย
ทริค 💡 : สำหรับผ้าที่มีกลิ่นแรงเป็นพิเศษ เช่น เสื้อกีฬา ผ้าขนหนู หรือผ้าปูที่นอน แช่ผ้ากับเบกกิ้งโซดาในน้ำก่อนซักประมาณ 30 นาที จะช่วยลดกลิ่นอับได้ดีกว่าเดิม
🔹 ตากผ้าในหน้าฝนยังไงไม่ให้ผ้าเหม็นอับ ?
การตากผ้าในหน้าฝนคือศึกใหญ่ของชาวหอ เพราะไม่มีแดดช่วย ผ้าก็แห้งช้า พอช้าปุ๊บ “กลิ่นอับ” ก็มาเยือนแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่ต้องเครียด ลองใช้เทคนิคต่อไปนี้ รับมือได้ทุกสภาพฝน แถมช่วยให้ผ้าหอมแห้งไวเหมือนได้แดดจริง
1. ตากในที่อากาศถ่ายเท + ใช้พัดลมช่วยเป่า
ถ้าไม่มีระเบียงหรือพื้นที่กลางแจ้ง ไม่ได้แปลว่าตากผ้าไม่ได้ แค่ต้องเลือกจุดตากในห้องให้ถูก เช่น ใกล้หน้าต่าง ช่องลม หรือที่มีลมพัดผ่านบ่อย ๆ จากนั้นเปิดพัดลมเป่าเสริมเข้าไปอีกชั้น เพื่อช่วยให้ผ้าแห้งไวขึ้น
2. ห้ามตากผ้าชิดกัน
ผ้าทุกชิ้นต้องมี “ช่องว่างให้ลมผ่าน” ถ้าคล้องไม้แขวนเรียงติดกันแน่นเป๊ะ ผ้าจะแห้งไม่ทั่ว และจุดที่แห้งช้าสุดมักจะเป็นรอยพับหรือรอยต่อของผ้า ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของกลิ่นอับ ดังนั้นเว้นระยะห่างระหว่างผ้าแต่ละชิ้นอย่างน้อย “1 ฝ่ามือ” เพื่อให้ลมเข้าได้ทุกมุม
3. ใช้ไม้แขวนเสื้อแทนการพาด
การพาดผ้าบนราวเดียวกันโดยไม่ใช้ไม้แขวน ทำให้ผ้าทับกันเป็นชั้น หนาเกินไป และแห้งไม่ทั่ว โดยเฉพาะตรงกลางผ้า — ซึ่งเป็นจุดสะสมของกลิ่นอับอย่างแท้จริง ทั้งนี้การแขวนผ้าด้วยไม้แขวนเสื้อช่วยให้ใยผ้าแผ่เต็มที่ อากาศลอดผ่านได้จากทั้งหน้า -หลัง ช่วยให้แห้งเร็วขึ้น แถมยังช่วยให้เสื้อผ้าไม่ยับ ไม่ต้องรีดเยอะ
4. ใช้เครื่องอบผ้า หรือร้านซักอบรีดใกล้หอ
การเลือกใช้เครื่องอบผ้าหยอดเหรียญในหอ (ถ้ามี) หรือหาร้านซักอบรีดใกล้ ๆ ที่มีบริการอบผ้าในเครื่องร้อน ก็ถือได้ว่าเป็นทางออกที่ประหยัดเวลาและปลอดภัยจากกลิ่นอับมากที่สุด
: พิกัดเครื่องอบผ้าสำหรับชาวหอพัก
🔹 เสริมตัวช่วยเพิ่มความหอมให้ผ้าช่วงหน้าฝน
แม้จะซักสะอาด ตากดีแค่ไหน แต่ช่วง หน้าฝน ก็ยังมีความชื้นในอากาศที่อาจแทรกซึมเข้ามาได้ทุกทาง ถ้าอยากให้ผ้าหอมสดชื่นแบบไม่ต้องลุ้น แนะนำให้ใช้ตัวช่วยเสริมเหล่านี้ ก็จะช่วยจัดการกลิ่นอับได้แบบอยู่หมัด และเพิ่มความมั่นใจทุกครั้งที่หยิบเสื้อผ้ามาใส่
- สเปรย์ฉีดผ้าหอม : สเปรย์ฉีดผ้าหอมคือไอเทมจำเป็นในหน้าฝน เพราะช่วยเติมความหอมให้ผ้าที่อาจมีกลิ่นตุ ๆ หลังแห้ง หรือโดนความชื้นในห้อง ซึ่งเพียงแค่ฉีดเบา ๆ ลงบนผ้าหลังผ้าแห้งหมาดหรือแห้งสนิทแล้ว ก็จะช่วยกลบกลิ่นอับชื้นได้ทันที
- ถุงดูดกลิ่นในตู้เสื้อผ้า : แม้ผ้าจะแห้งดี แต่ถ้าตู้เสื้อผ้าหรือห้องที่เก็บผ้ามีความชื้นสูง ก็ยังเสี่ยงต่อการเกิดกลิ่นอับสะสมได้ โดยเฉพาะในหน้าฝนที่อากาศชื้นตลอดทั้งวัน ดังนั้นการวาง ถุงดูดกลิ่นหรือถ่านดูดความชื้น ไว้ในตู้เสื้อผ้าหรือมุมห้อง ก็จะช่วยดูดซับความชื้นส่วนเกิน และยับยั้งกลิ่นอับได้เป็นอย่างดี
การซักผ้าในหน้าฝนไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ถ้าเข้าใจวิธีจัดการกับความชื้นและกลิ่นอย่างถูกต้อง ปรับนิสัยเล็ก ๆ เช่น รีบตากผ้า เลือกใช้น้ำยาซักผ้าลดกลิ่นอับ ฯลฯ เพียงแค่นี้ก็หมดปัญหา “ผ้าเหม็นอับ” ที่คอยกวนใจในหน้าฝนไปได้เลย และสำหรับใครที่กำลังหาหอพักที่มีพื้นที่ตากผ้าดี ๆ หรือมี เครื่องอบผ้าให้ใช้ใต้หอพัก ก็สามารถเข้ามาค้นหาได้ที่ Renthub เว็บไซต์ค้นหาหอพักอพาร์ทเม้นท์อันดับหนึ่งของประเทศไทย หรือดาวน์โหลด Renthub App เพื่อให้การค้นหาหอพักเป็นเรื่องง่าย ๆ เพียงแค่ปลายนิ้ว (รองรับทั้งระบบ IOS และ Android)