เมื่อเทียบสัดส่วนแล้วพบว่ากว่า 60% ที่เข้ามาซื้ออสังหาฯ ในไทยนั้นเป็นคนจีน ซึ่งในช่วงก่อนโควิดมียอดโอนกรรมสิทธิ์ถึง 13,000 ยูนิต มูลค่ามากถึง 53,000 ล้านบาท หลังจากเปิดประเทศ ส่งผลให้ยอดการโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ปลายปี 2565 จนถึงตอนนี้อยู่ที่ 10,000 ยูนิต มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท
ในช่วงที่คนจีนเริ่มเดินทางออกมาท่องเที่ยวได้นั้น เฉลี่ยแล้วนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยกว่า 10 ล้านคน มีการใช้จ่ายต่อคนอยู่ที่ 50,000 บาท/คน มีเงินสะพัดกว่า 500,000 ล้านบาท เป็นเงินลงทุนกว่า 50,000-100,000 ล้านบาท/ปี
การเข้ามาเมืองไทยสำหรับคนจีนนั้นไม่ใช่เข้ามาเพื่อท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเข้ามาเพื่อลงทุน ส่งลูกหลานเข้ามาเรียน ซื้ออสังหาฯ เพื่อทำธุรกิจ และเพื่ออยู่อาศัย พูดง่ายๆ คือบ้านหลังที่ 2 นั่นเอง โดยจังหวัดที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของการซื้อเพื่ออยู่อาศัยของคนจีนคือจังหวัดเชียงใหม่
ฟังดูเหมือนจะทำให้เศรษฐกิจดี แต่จริงๆ แล้วอาจทำให้เกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อคนไทยที่อยากมีบ้าน เพราะการที่คนจีนเข้ามาซื้ออสังหาฯ ในไทยนั้นจะยิ่งทำให้ราคาบ้านและราคาคอนโดพุ่งสูงขึ้น
อย่างไรก็ตามจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของคนจีนที่จะเข้ามาลงทุนในด้านธุรกิจโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ทัวร์ ขนส่ง โลจิสติกส์ รวมถึงธุรกิจในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ เป็นการเข้ามาพร้อมบริษัทกฎหมายที่มีคนไทยเชื้อสายจีน พ่วงสถาบันการเงินจากจีน เหตุผลที่เป็น จ.เชียงใหม่ อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นเมืองที่คนจีนนิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากที่สุด
ที่มา: เรื่องเด่นเย็นนี้