ในฐานะของผู้ประกอบการอพาร์ทเม้นท์ เรื่องรายได้และรายจ่ายทุกประเภทจำเป็นต้องมีความรู้เพื่อให้เกิดผลประโยชน์กับตนเองมากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องของภาษีที่หลาย ๆ คนมีฐานรายรับที่สูง ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งมาจากการให้เช่าหอพัก แต่พอหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ออกไปแล้ว และต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามากกว่าปกติตามอัตราขั้นบันไดแบบก้าวหน้า เรื่องนี้จริง ๆ แล้วมีสิ่งที่เรียกว่า “สิทธิเก็บกิน” (บางคนจะเรียก “ภาษีเก็บกิน” แต่ชื่อดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่) คล้ายกับเป็นตัวช่วยเพื่อแบ่งเบาภาระทางด้านภาษีให้น้อยลง Renthub จึงอยากแนะนำสำหรับคนที่กำลังเจอปัญหาดังกล่าวได้เข้าใจถึงวิธีที่ถูกต้อง
สิทธิเก็บกิน คืออะไร ?
จริง ๆ แล้วขออธิบายให้เข้าใจแบบง่าย ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน คือ การแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งที่ได้รับจากการครอบครองพื้นที่เพื่อที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกิน หรือได้ผลประโยชน์จากพื้นที่ดังกล่าว โดยมีการจดทะเบียนสิทธิทำกินให้กับอีกบุคคลหนึ่ง (เรียกว่า ผู้ทรงสิทธิ) ซึ่งจะเป็นใครก็ได้ที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อนำรายได้ส่วนนี้ให้กับคนที่รับสิทธิ (ส่วนใหญ่บุคคลดังกล่าวมักมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ภาษีเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียภาษีหรือเสียในอัตราขั้นต่ำ และควรเป็นทายาท ญาติพี่น้อง หรือคนที่ไว้ใจกัน) เท่ากับว่าเมื่อมีการทำขั้นตอนดังกล่าวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รายได้ก็จะตกอยู่ในชื่อของบุคคลที่มีสิทธินั้น ๆ
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงแค่การโอนสิทธิในการได้รับผลประโยชน์ให้กับอีกฝ่ายเท่านั้นแต่ไม่ใช่การโอนกรรมสิทธิ์ในการครอบครอง เท่ากับว่าผู้ทรงสิทธิสามารถรับประโยชน์ต่าง ๆ จากพื้นที่ดังกล่าวได้ อาทิ ค่าเช่า, การเข้าอยู่อาศัย แต่จะไม่สามารถนำเอาที่ดินไปขายเพื่อผลประโยชน์ของตนเองได้เนื่องจากสิทธิการขายยังคงเป็นของผู้ให้สิทธิเก็บกินเหมือนเดิม สาเหตุที่ต้องทำแบบนี้ด้วยทางกฎหมายมองว่าหากมีการจดสิทธิเก็บกินให้กับคนอื่น แล้วปรากฏว่าผู้ทรงสิทธินำไปขาย หรือไม่ให้อยู่อาศัยแล้วจะทำให้เกิดความยากลำบากกับเจ้าของพื้นที่ตัวจริงนั่นเอง
ขั้นตอนเบื้องต้นของการจดสิทธิเก็บกินต้องทำอย่างไรบ้าง ?
ขั้นตอนง่าย ๆ คือ การทำหนังสือจดทะเบียนสิทธิเก็บกินกับเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดิน โดยมีคู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่ายรวมอยู่ด้วย (แบบเดียวกับการจดทะเบียนด้านทรัพย์สินประเภทอื่น ๆ) โดยระยะเวลาขึ้นอยู่กับที่กำหนดเอาไว้ เช่น 5 ปี, 10 ปี หรือตลอดชีวิต ซึ่งในกรณีที่สัญญาไม่ได้ระบุระยะเวลาเอาไว้ให้นับจนกว่าผู้ทรงสิทธิจะเสียชีวิตลง (รวมไปถึงการทำธุรกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขเงื่อนไขต่าง ๆ, การยกเลิกสิทธิ ต้องทำต่อหน้าเจ้าหน้าที่)
ดังนั้นหากสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ สมมติว่าคุณเองมีกิจการหอพัก หรืออพาร์ทเม้นท์ให้เช่า บวกกับรายได้จากเงินเดือนประจำที่สูงก็สามารถจดสิทธิเก็บกินให้กับลูก, สามี ภรรยา หรือญาติพี่น้องคนอื่น ๆ ของคุณเพื่อให้ถือว่ารายได้ดังกล่าวเป็นของผู้ทรงสิทธิ และการเสียภาษีของตัวคุณก็จะน้อยลงตามไปด้วย
ที่มา: ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ใส่ใจบัญชีและภาษี