เมื่อพูดถึง พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือที่หลายคนคงคุ้นหูกันในช่วงนี้อย่าง PDPA ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2565 นี้ หลายธุรกิจอาจเริ่มมีการขยับตัวกันบ้างแล้ว ส่วนธุรกิจห้องพัก ไม่ว่าจะเป็นหอพัก อพาร์ทเม้นท์ เซอร์วิชอพาร์ทเม้นท์ รวมถึงธุรกิจโรงแรม จำเป็นต้องศึกษาไว้หรือจะต้องใส่ใจในเรื่องนี้หรือไม่ วันนี้ Renthub ขอมาให้ข้อมูลในมุมมองของผู้ประกอบการกันว่าธุรกิจที่เรากำลังทำอยู่นั้น ต้องให้ความสำคัญในเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) มากน้อยเพียงใด แต่ก่อนอื่นที่จะไปเข้าเรื่อง พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เราไปทำความรู้จักกันก่อนค่ะว่า พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) คืออะไร
PDPA คืออะไร?
PDPA ย่อมาจาก Personal Data Protection Act หรือที่เรารู้จักกันเลยก็คือ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อให้เอกชนและรัฐที่เก็บรวมรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือ โอนข้อมูลส่วนบุคคลในไทย ตามมาตรการปกป้องข้อมูลของผู้อื่นจากการถูกละเมิดสิทธิส่วนตัว
ข้อมูลบุคคลที่ระบุตัวตนมีอะไรบ้าง?
ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เจ้าของธุรกิจหอพัก อพาร์ทเม้นท์มีข้อมูลในส่วนนี้อยู่ในมือเลยก็คือ
ชื่อ - นามสกุล
ที่อยู่ปัจจุบัน หรือที่อยู่ตามบัตรประชาชน
อีเมล
เลขประจำตัวประชาชน, เลขหนังสือเดินทาง, เลขใบอนุญาตขับขี่
วันเดือนปีเกิด
หมายเลขโทรศัพท์
เชื้อชาติ / ศาสนา
ทะเบียนรถ
PDPA มีความสำคัญต่อธุรกิจหอพัก อพาร์ทเม้นท์ หรือไม่?
PDPA มีความสำคัญต่อธุรกิจหอพัก อพาร์ทเม้นท์ของเราอย่างไร จริงๆ แล้วสาระสำคัญของ พรบ.ฉบับนี้ คือการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ให้มีการนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ในทางที่ผิดเงื่อนไขหรือผิดวัตถุประสงค์ ยกตัวอย่าง เช่น ก่อนที่ผู้เช่าจะย้ายเข้าหอพัก อพาร์ทเม้นท์ จะต้องทำการจองห้องพัก หรือเริ่มทำสัญญาเช่า และวางเงินมัดจำก่อน และการทำสัญญาเช่านั่นเองที่เป็นขั้นตอนสำคัญที่เจ้าของหอพักจำเป็นที่จะต้องขอเอกสารสำคัญของผู้เช่า ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ และเอกสารอื่น ๆ อีกมากมาย แล้วแต่หอพัก เป็นต้น ซึ่งถ้าหากมีการนำสำเนาบัตรประชาชนที่ผู้เช่าได้ทำการมอบให้กับผู้ให้เช่าเพื่อใช้ในการทำสัญญาเช่าห้องพักไปใช้ทำอย่างอื่น นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญาเช่า นั่นแหละ! จะถือว่ามีความผิด
ต้องทำอย่างไรกับข้อมูลที่มีการเก็บไว้ก่อนวันที่ PDPA มีผลบังคับใช้ ?
ผู้เก็บข้อมูล สามารถเก็บหรือใช้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์เดิมได้ แต่ต้องกำหนดวิธีการยกเลิกความยินยอม และประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของข้อมูลรับทราบ
หลังจากเริ่มมีการบังคับใช้ PDPA ต้องเก็บข้อมูลใหม่อย่างไร ?
แนวทางในการจัดเก็บข้อมูล หลังจากเริ่มมีการบังคับใช้ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เจ้าของหอพัก อพาร์ทเม้นท์ จะต้องเก็บข้อมูลของลูกค้าที่ทำการย้ายเข้ามาใหม่ ดังนี้
ต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อน เช่น การทำเอกสารสัญญาให้ความยินยอมในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้เพื่อใช้ประกอบสัญญาเช่าห้องเท่านั้น เป็นต้น
ผู้เก็บข้อมูลต้องทำการแจ้งวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูล การใช้ข้อมูล การเปิดเผยข้อมูล ระยะเวลาในการเก็บข้อมูลอย่างชัดเจน
ต้องรักษาข้อมูลเป็นความลับ ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เช่าโดยมิชอบ
ห้ามใช้ข้อมูลหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เช่าห้องพัก หอพัก อพาร์ทเม้นท์ โดยไม่ได้รับความยินยอมหรือวัตถุประสงค์อื่นนอกจากที่ได้รับความยินยอมแล้วเท่านั้น
ในกรณียกเว้นที่สามารถใช้ข้อมูลหรือเปิดเผยข้อมูลได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอม ยกตัวอย่างเช่น การนำข้อมูลนั้นไปใช้เพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่เจ้าของข้อมูลได้ทำไว้ และเพื่อใช้ตามกฎหมาย เช่น การส่งข้อมูลแก่สรรพากร หรือคำสั่งศาล เป็นต้น
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ PDPA ยังมีรายละเอียดอื่น ๆ อีกมากมายที่ Renthub ไม่อาจอธิบายทั้งหมดได้ ผู้ประกอบการหอพัก อพาร์ทเม้นท์ทุกท่านสามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลหรืออ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) นี้ได้ ส่วนเว็บไซต์ Renthub เอง เราก็มีนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานเว็บไซต์เช่นกัน ผู้ประกอบการหอพัก อพาร์ทเม้นท์ที่เป็นสมาชิกของเว็บไซต์ และมีประกาศห้องพักอยู่แล้วสามารถเข้าไปศึกษาเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) นี้ได้โดยไม่ต้องกังวลใจนะคะ
หากผู้ประกอบการท่านใดมีข้อสงสัย สามารถติดต่อทีม Support ของ Renthub ได้โดยตรง หรือถ้าหากผู้ประกอบการหอพัก อพาร์ทเม้นท์ ที่ยังไม่มีประกาศหอพัก ก็สามารถเลือกใช้งานเว็บไซต์ Renthub ได้ สมัครสมาชิกและลงประกาศฟรีที่ Renthub.in.th
ที่มา: ratchakitcha