การเปิดให้เช่าห้องพักภายในอาคารเดิมสามารถทำได้ในรูปแบบหนึ่ง คือการให้เช่าแบบรายเดือน โดยแต่ละที่อาจมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันออกไป เช่น แบบเช่ารายเดือนที่ต้องจ่ายค่ามัดจำหรือแบบที่ต้องจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน และต้องเข้าพักในระยะเวลาขั้นต่ำตั้งแต่ 3-6 เดือน หรือ 1 ปีขึ้นไป ซึ่งการเช่าแบบรายเดือนและการสร้างเงื่อนไขในการจ่ายล่วงหน้าหรือเงินมัดจำนั้นถือได้ว่าเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการได้ในระดับนึงเลยว่าผู้เช่าจะไม่หนีหายไปไหนก่อนถึงเวลาจ่ายค่าเช่าแน่นอน
แต่! ในภายหลังผู้ประกอบการส่วนใหญ่เริ่มเล็งเห็นโอกาสที่จะสามารถทำกำไรหรือสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากการเปิดให้เช่าแบบรายวันและเอื้อต่อความต้องการของผู้เช่ามากยิ่งขึ้นในแต่ละย่าน เช่น อพาร์ทเม้นท์ใกล้โรงพยาบาล อพาร์ทเม้นท์ใกล้มหาวิทยาลัยฯ อพาร์ทเม้นท์ให้ศูนย์แสดงสินค้า ฯลฯ ที่ต่างมีผู้เช่ามาสอบถามที่พักแบบรายวันกันเป็นจำนวนมากแทนการเข้าพักที่โรงแรม(ที่มักจะกำหนดคนเข้าพักได้ไม่เกิน 2 คนต่อห้อง หากเกินอาจถูกเรียกเก็บเงินเพิ่มได้)
ส่งผลให้การเปิดห้องพักแบบรายวันจึงเริ่มเกิดขึ้นและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งการเปลี่ยนรูปแบบการให้เช่าไม่ว่าจะเป็นจากแบบรายวันเป็นรายเดือน หรือ แบบรายเดือนมาเป็นรายวัน จะต้องทำให้ถูกกฎหมาย เพราะมิเช่นนั้นผลที่ตามมาอาจทำให้กิจการของคุณถูกสั่งปิด ถูกปรับ หรือถูกจับผิดกฎหมายได้ในภายหลัง และรูปแบบการเช่าในแต่ละแบบสามารถทำให้ถูกกฎหมาย โดยมีรายละเอียดดังนี้...
การเปลี่ยนธุรกิจให้เช่าจากรายเดือนมาเป็นรายวัน
การเปลี่ยนธุรกิจให้เช่าจากรายเดือนมาเป็นรายวัน แบ่งออกเป็นประเด็นสำคัญทั้งหมด 3 ข้อด้วยกัน คือ...
1. ต้องปรับผังอาคารให้ถูกต้องตามรูปแบบของอาคารโรงแรม
การทำอาคารเป็นโรงแรมมีข้อกำหนดแผนผังของอาคารที่เหมาะสมในการเปิดเป็นโรงแรม เช่น พื้นที่ของส่วนจอดรถ ห้องโถง ทางเดิน ห้องพัก ทางหนีไฟต่าง ๆ ซึ่งต้องไปขอรายละเอียดกับทางหน่วยงานราชการมาดำเนินการเปลี่ยนผังให้ได้มาตรฐานตามข้อกำหนดและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม
2. ต้องมีการจดทะเบียนเป็นธุรกิจโรงแรม
การจดทะเบียนธุรกิจเป็นประเภทโรงแรมนั้นจะต้องได้ใบอนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารเสียก่อนแล้วจึงนำไปเป็นหลักฐานในการจดทะเบียนโรงแรมได้ จากนั้นไม่ว่าจะเป็นการทำบัญชี การเสียภาษีจะใช้กฎเกณฑ์ในแบบโรงแรมซึ่งจะมีอัตราภาษีที่เพิ่มมากขึ้นกว่าแบบเดิม แต่ผลก็คุ้มค่ากว่าเพราะหากลงทุนเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจไปแล้ว แต่เมื่อมีหน่วยงานมาตรวจอาจจะถูกสั่งปิดกิจการได้ และเมื่อมีผู้เช่าต่างชาติมาพักต้องแจ้ง ตม.ทุกครั้ง
3. รูปแบบเช่ารายวันที่ได้รับการยกเว้นไม่เป็นโรงแรม
ในกรณียกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนธุรกิจโรงแรมสามารถทำได้หากมีห้องเปิดเช่ารายวันไม่เกิน 4 ห้อง พักได้รวมแล้วไม่เกิน 20 คน แต่ต้องไปแจ้งกับทางการเช่นกัน ซึ่งจะเข้าข่ายธุรกิจเช่าที่พักรายวันที่ไม่ใช่โรงแรม หรือนับเป็นธุรกิจประเภทเดียวกับโฮมสเตย์นั่นเอง
การเปลี่ยนธุรกิจให้เช่าจากรายวันมาเป็นรายเดือน
การเปลี่ยนธุรกิจให้เช่าจากรายวันมาเป็นรายเดือน เช่นกันคือจะต้องไปจดทะเบียนขอเปลี่ยนลักษณะธุรกิจจากโรงแรมเป็นอพาร์ทเม้นท์หรือที่พักรายเดือน และปรับปรุงตัวอาคารให้เหมาะสมที่จะเป็นที่พักอาศัย เช่น มีจุดที่พักขยะตามกำหนด ขนาดของลิฟท์ สัดส่วนของที่จอดรถ สัดส่วนความกว้างทางเดิน ความกว้างของบันได เป็นต้น
ข้อดีของการทำธุรกิจให้ถูกประเภทและจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายจะช่วยให้การประกอบธุรกิจราบรื่น ไม่ต้องคอยเสี่ยงกับการถูกปรับและถูกสั่งปิดกิจการ ดังนั้นผู้ประกอบท่านใดที่ยังไม่ได้ไปจัดการจดทะเบียนก็ให้คุณรีบไปดำเนินการให้เรียบร้อย แล้วเรารับรองเลยว่าการประกอบกิจการของคุณจะเต็มไปด้วยความสุขและลูกค้าอย่างแน่นอน!
แหล่งที่มาข้อมูล : นิตยสารบ้านพร้อมอยู่
ติดตามกฎหมายน่ารู้เกี่ยวกับกิจการหอพัก/อพาร์ทเม้นท์ คลิกที่นี่